Game of Digital Throne ศึกชิงบัลลังก์เหล็กแห่งโลกดิจิตัล

วันก่อนผมได้โพสต์ถึง Apple ที่ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หุ้น Apple ขึ้น 10 วันติด เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันของบริษัท Digital ยักษ์ใหญ่ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ผมรู้สึกว่า เฮ้ย นี่มันก็คือ Game Of Throne นี่หว่า แต่ในที่นี้คือการชิงบัลลังก์ Digital Throne และใครจะคว้าบัลลังก์เหล็กนี้ไปได้ วันหยุดยาวสงกรานต์นี้ เลยอยากมาลองวิเคราะห์สนุกๆ ว่าตระกูลไหน จะมีโอกาสชนะมากที่สุด และเพราะเหตุใด

แฟนพันธ์แท้ของซีรีส์ GOT ไม่ควรพลาดการวิเคราะห์นี้นะครับ ! ใครเห็นต่างก็ลองมาแชร์กันครับ
........................................................................................

หลายคนอาจมองว่า Apple เปิดตัว Apple News +, Apple Card, Apple Arcade และ Apple TV + เพื่อแข่งกับผู้ให้บริการคอนเทนต์และ Streaming อย่าง Netflix , Disney, หรือ New York Times เพื่อแย่งชิง Subsribers 

แต่ถ้าดูกันลึกๆ Apple นั้นมีจำนวน Subscribers ล้ำหน้า กลุ่มนั้นไปไกลแล้ว ผมจึงมองว่าจริงๆแล้ว Apple ต้องการจะแข่งกับ Google , Amazon และ Facebook อีกด้วยต่างหาก เพื่อที่จะขยาย Network ให้เยอะและได้ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลอันมีมูบค่ามหาศาลในยุคนี้
........................................................................................

แล้วปัจจุบัน บริษัทดิจิตัลยักษ์ใหญ่ มีจำนวนลูกค้าในมือเท่าไหร่???


  • Apple: มีผู้ใช้อุปกรณ์ Apple ทั้งหมด 1.3 พันล้าน active users 
  • Google: มีผู้ใช้อุปกรณ์ Android 1.4 พันล้าน active users  และ ผู้ใช้ YouTube 1.8 พันล้าน users ต่อเดือน
  • Facebook:  มีผู้ใช้งาน Facebook 2.3 พันล้าน active users ต่อเดือน
ในขณะที่ เหล่าผู้ให้บริการคอนเทนต์ มีจำนวน Subscribers ที่น้อยกว่ามาก โดยประมาณ 10%-20% ของ Apple, Google และ Facebook
  • Netflix: 148 ล้าน subscribers
  • Spotify: 191 ล้าน subscribers
  • New York Times website : 282 ล้าน visitors ต่อเดือน แต่มีผู้จ่ายค่า Subscribe 4 ล้านคน
ส่วน Amazon นั้น ผมขอแยกออกมาพูด
  • Amazon: 310 ล้าน active users
ซึ่งแม้ว่าจะดูไม่เยอะมาก แต่Amazon มีข้อได้เปรียบที่แตกต่างจากคนอื่นตรงที่มันเป็น Platform การซื้อขาย เกือบ 50% ของการซื้อขายออนไลน์ในสหรัฐ เกิดขึ้นใน Amazon ดังนั้นข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าที่ Amazon มีนั้นมันละเอียดกว่าเจ้าอื่นๆที่กล่าวมาทั้งหมด และเป็นข้อได้เปรียบสุดๆของ Amazon


........................................................................................

แล้วใครจะมีโอกาสสูงสุดในการชนะศึก Game of Digital Throne???


มันก็เป็นอะไรที่เดาได้ยาก เหมือนกับในซีรีส์ GOT เลยครับ ผมจะลองวิเคราะห์ในมุมมองของผม จากที่ได้อ่านบทวิเคราะห์จากบทความจาก Entrepreneur.com มาแชร์ให้ทุกคนดูครับ 

ปล. 
โอกาสชนะที่ผมเขียนไว้คือโอกาสที่แต่ละบริษัทจะครองบังลังค์ได้นะครับ ไม่ใช่โอกาสชนะของแต่ละคนในซีรีส์ GOT จริงๆ 55 อันนั้นผมไม่ทราบเพราะไม่ได้เป็นเพื่อนกับผู้กำกับด้วย 55

ลองเริ่มการวิเคราะห์กันดูนะครับ !

Amazon
ที่เสมือน The Golden Company
โอกาสชนะ 0-5%

Amazon อาจจะเป็นบริษัทที่วิเคราะห์ได้ง่ายสุด ณ จุดนี้ เพราะ ผมมองว่า Amazon เอง มี Focus ในส่วนของการทำงานผ่าน E-Commerce ผมขอเทียบ Amazon เป็น The Golden Company ใน GOT ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการทหารรับจ้าง ที่ Cersei Lannister จ้างมาเพื่อสู้กับ White Walker และ กองทัพของ Daenerys กับ Jon Snow  

ซึ่ง Cersei ก็ไม่ต่างกับร้านค้าเล็กๆที่ต้องอาศัย Amazon ในการสร้างรายได้และแข่งกับร้านค้าใหญ่ๆ ส่วน Amazon เอง ก็ช่วยร้านค้าเหล่านั้นจนกว่าร้านจะไม่มีเงินจ่าย Amazon ซึ่งก็ไม่ต่างกับทหารรับจ้าง
ดังนั้นผมมองว่า Amazon มีโอกาสค่อนข้างน้อยที่จะมาเสียเวลาแย่งชิงพลังอำนาจ ในขณะที่เค้าสามารถกอบโกยรายได้มหาศาลจากกองทัพ Ecommerce , Network และ Web service

Facebook
ที่เสมือน Littlefinger 
โอกาสชนะ 20-30%

Facebook หรือ ผู้กุม Social Network ก็ไม่ต่างอะไรกับ Littlefinger ผู้กว้างขวางและปลิ้นปล้อน ซึ่ง Facebook เอง ก็เป็นผู้ที่เก็บและควบคุมข้อมูลมหาศาลของ  Users ที่ได้รับมาทั้งทางตรง และทางที่ไม่ค่อยจะถูกจริยธรรมนัก

ข้อมูลที่ Facebook มีก็เอาไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเองและ Partners ที่ให้ผลประโยชน์กับ Facebook ดังที่เป็นข่าว ไม่พอ Facebook ยังใช้ข้อมูลลงโทษผู้ที่ดูจะเป็นภัยกับ Facebook อีก เพราะฉะนั้น ผมมองว่าผู้คนก็เริ่มจะเบื่อหน่ายกับ Facebook มากขึ้นเรื่อยๆ และเด็กรุ่นใหม่ๆก็เริ่มจะตีตัวออกห่าง Facebook และหันไปใช้ Platform อื่นๆ เหมือนกับที่ Sansa และ Arya  เกลียดชัง Littlefinger 


เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าความซื่อสัตย์นั้นเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์รวมถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจ แต่ยังไงผมขอเดาโอกาส Facebook ไว้ซัก 20-30% ก่อนละกัน เพราะยังไง Facebook IG ก็ยังคงเป็น Platform หลักของ Social network อยู่และคนที่ใช้คงยังไม่เลิกง่ายๆครับ อย่าง เพจผมก็ยังคงต้องพึ่งพาเขาอยู่ 555

Google
ที่เสมือน White Walkers
โอกาสชนะ 30-40%

Google ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ด้วยคุม  67% ของการ Search ทั้งหมด และมีผู้ใช้ Android กว่า 82% ของ Mobile Users ทั่วโลก การจะสู้กับ Google ได้นั้น มันน่ากลัวเหมือนการเผชิญกับ White Walkers เลยทีเดียว White Walkers จะมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีคนตายมาร่วมกองทัพเยอะขึ้น ซึ่งก็ไม่ต่างกับ Android ที่มอบชีวิตใหม่ให้แบรนด์มือถือหลายแบรนด์ที่เกือบจะตายออกจากอุตสาหกรรมไปอย่างเช่น LG, Samsung, Huawei , Sony เพราะสู้กับ Apple ไม่ได้ ไม่พอ Google ยังได้เปรียบในการเข้าถึงข้อมูลการค้นหาของ Users รวมถึงคุมการโฆษณาต่างๆ

แต่จุดอ่อนของ Google ก็คือ มันไม่สามารถเข้าใจลูกค้าได้ถ่องแท้และทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการสร้าง Social Network ผ่าน Google+ ซึ่งการไม่สามารถสร้าง Connection กับลูกค้าและสร้าง Community platform ได้ ทำให้ยากในการดึงลูกค้าให้ยึดมั่นกับแบรนด์ และเปิดโอกาสให้คู่แข่งอื่นๆเข้ามาแทรกแซงได้ 

Apple 
โอกาสชนะ Daenarys Targarean
โอกาสชนะ 40-50%

การกลับมาของ Steve Job เปลี่ยน Apple จากหลังมือเป็นหน้ามือ เหมือนกับ Daenarys ที่มีพลังมากขึ้นหลังจากออกมาจากกองไฟพร้อมมังกรน้อย 3 ตัว

ความสำเร็จของ Apple เป็นอะไรที่เลียนแบบได้ยาก ด้วยการสร้าง Brand Culture ที่ Strong มากๆ และฝังอยู่ในทุกส่วน ตั้งแต่ Personality ของพนักงาน, Process, Product Design และ Apple Store ซึ่งสื่อถึง Culture of Innovation 

ลูกค้าที่ซื้อสินค้า Apple ต่างซื้อที่ Customer Experience ซึ่ง Steve Job ให้ความสำคัญมากๆ เราถึงไม่แปลกใจเมื่อถามลูกค้า ว่านึกถึงอะไรเมื่อพูดถึงสินค้า Apple ทุกคนต่างตอบในทำนองเดียวกันว่า ความ เรียบง่าย หรูหรา และทันสมัย ( Simple Elegant  and Innovative)

การเข้ามาลงแข่งด้าน Content และ Streaming น่าจะเป็นหมากในการดึง Apple เป็น ศูนย์กลาง Culture ของลูกค้า ผมมองว่า Apple เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด ด้วยการเล่นกับ Emotional ของลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นที่มองแค่พฤติกรรม (ฺฺBehavioral) อย่าลืมว่าสุดท้ายผู้คนก็มักจะตัดสินใจด้วยความรู้สึก และ Apple ก็ทำได้ดีที่สุดในส่วนนี้ เกมนี้จึงอาจจะเป็นของ Apple ก็เป็นได้ครับ

Comments

Popular posts from this blog

"รูปปั้นโอกาส"

ราคาน้ำมันในไทยนั้นอ้างอิงมาจากสิงคโปร์ แต่ราคาที่สิงคโปร์นั้นเค้ากำหนดมาอย่างไร ?

IMO 2020 คืออะไร ? การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดน้ำมัน