ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI แตกต่างกันอย่างไร ??
ตั้งแต่เขียนเพจมาคำถามที่โดนถามมากที่สุดคงเป็น "ทำไมแอดถึงตามแต่ราคาน้ำมัน Brent ? ทำไมไม่ตามราคา WTI ที่เป็นราคาพื้นฐาน (Benchmark) ของโลกล่ะ ? " วันนี้ผมจึงขอถือโอกาสมาอธิบายให้ฟังกันนะครับ ว่าทำไม
คร่าวๆก่อนคือ
WTI เป็นสัญญาน้ำมันที่ส่งมอบที่อเมริกา ถ้าคุณเข้าไปซื้อขายสัญญา Future น้ำมันตัวนี้ แล้วถือสัญญาจนหมดอายุ แปลว่าคุณต้องเข้าไปรับหรือส่งน้ำมันที่เท็กซัสจริงๆ ทางตลาดตั้งกฏมาแบบนี้เพื่อที่จะให้ราคาซื่้อขายสะท้อนความต้องการของน้ำมันจริงๆ
Brent นั้นเป็นสัญญาน้ำมันที่ส่งมอบที่ยุโรป (North Sea) มีกลไกส่งมอบแบบเดียวกัน แต่อยู่กันคนละทวีป
------------------
WTI เป็นราคาพื้นฐาน (Benchmark) ของโลก จริงหรือ ?
ตอนที่ผมเริ่มเทรดน้ำมันครั้งแรกเมื่อ 12 ปีก่อน WTI เคยเป็น Benchmark ของโลกจริงๆ ครับ ผมแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อน้ำมันดิบ Brent ในข่าว หรือต้องติดตามราคามันเลย แต่ทุกวันนี้กลับตรงกันข้ามกัน WTI ไม่ได้เป็น Benchmark ของโลกอีกต่อไปแล้วครับ และผมก็แทบจะไม่ต้องติดตามราคาของมันเลย
อเมริกาเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากถึง 1/4 ของโลกมาตลอด แต่เคยผลิตได้เพียงน้อยนิดมาก ทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันเป็นปริมาณมหาศาลตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้จุดส่งมอบน้ำมันที่ เท็กซัส (Texas) จึงสามารถใช้เป็นราคาพื้นฐานของโลกได้อย่างดี ว่ามีความต้องการใช้น้ำมันของโลกมากน้อยแค่ไหน
แต่แล้วตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาการผลิตเชลออยล์ (Shale Oil) นั้นก็เริ่มบูมขึ้นมา ลองไปอ่านรายละเอียดในโพสต์ก่อนได้ครับว่าทำไม (https://www.facebook.com/OilTradingkp/photos/p.276107512942599/276107512942599/?type=1&theater)
ทำให้สหรัฐนั้นไม่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบเยอะอย่างที่เคยเป็น และสุดท้ายจนสามารถผลิตน้ำมันเกรดนี้ ได้เกินความต้องการใช้ของโรงกลั่นในประเทศตัวเอง อีกทั้งท่อน้ำมันและต่างๆ ที่อเมริกาเคยสร้างมานั้นไม่ได้สร้างมาเพื่อรับการส่งออก ทำให้สต็อกน้ำมันดิบในประเทศที่เท็กซัสนั้นล้นเต็มเกินกว่าที่จะรับได้แล้ว ทำให้ราคาของที่ส่งมอบที่เท็กซัสนี้ราคาต้องลดลงอย่างกระจาย เพราะคนนอกประเทศก็เข้าไปรับซื้อไม่ได้ ของก็ล้น ราคา WTI จึงหลุดจากการเป็น Benchmark ของโลกมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว เพราะราคาสะท้อนถึงความต้องการใช้ที่จุดเท็กซัสเพียงอย่างเดียว ไม่เชื่อมต่อกับราคาโลก
------------------
ทำไมพวกเราถึงชินกับการที่ราคา WTI อยู่ต่ำกว่า Brent ตลอดเวลา ? คุณภาพน้ำมันดิบที่ไหนดีกว่ากัน ?
วันนี้ที่ราคา WTI อยู่ต่ำกว่า Brent ตลอดเวลานั้น เป็นเพราะสต็อกที่ล้นในเท็กซัสเป็นหลัก มีของเยอะแต่ขายออกไปไม่ได้ราคาก็ต้องลดมาจนถึงจุดสมดุลเป็นธรรมดา ในจุดนึงเคยต่ำกว่าถึง 20 เหรียญต่อบาร์เรล แต่สองปีที่ผ่านมาส่วนต่างเริ่มลดลงเพราะอเมริกาเริ่มสร้างท่าและท่อส่งออกได้แล้ว ทำให้โรงกลั่นในทวีปอื่นเข้าไปรับซื้อน้ำมันออกมาได้ ความต้องการที่มากขึ้นก็ช่วงดึงให้ราคาไม่ต่ำลงไปมาก
ที่ราคาต่ำกว่านั้นไม่ใช่เรื่องของคุณภาพน้ำมันดิบ เพราะคุณภาพน้ำมันดิบแบบไหนนั้นจะแพงหรือถูกก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาครับ เพราะน้ำมันดิบแต่ละเกรดมีคุณสมบัติในการกลั่นออกมาเป็นสัดส่วนน้ำมันสำเร็จรูปที่ต่างกัน หากช่วงไหนราคาน้ำมันเบนซินเป็นที่ต้องการสูง ค่าการกลั่นสูงขึ้น น้ำมันดิบที่มีสัดส่วนกลั่นเป็นมันเบนซินนั้นก็จะมีค่ามากขึ้น
ในสมัยที่ WTI เคยเป็น Benchmark ของโลกนั้น ราคาจะอยู่สูงกว่า Brent เสมอ เพราะเป็นน้ำมันที่เบากว่าและสามารถผลิตออกมาเป็นน้ำมันเบนซินได้สูงกว่าซึ่งเป็นที่ต้องการในช่วงนั้นด้วยซ้ำ
------------------
แล้วเราควรติดตามน้ำมันดิบตัวไหนกันแน่ ??
ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการใช้เลยครับ อย่างที่เรียนถ้าคุณอยากติดตามว่าวันนี้ราคาน้ำมันในโลกจะแพงไหม ? ราคาน้ำมันในบ้านเราจะขึ้นลงอย่างไร ? การตามราคา Brent ก็จะเป็นการบอกราคาคร่าวๆได้ เพราะราคาน้ำมันในสิงค์โปร์ก็จะล้อกันตามไปกับ ฺBrent มากกว่าราคา WTI
ถ้าคุณเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย คุณถือหุ้นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันอย่าง PTTEP หรือสายการบินต่างในไทยที่ราคาน้ำมันเป็นต้นทุนหลักอยู่ ผมก็จะแนะนำให้คุณติดตามราคา Brent อีกเช่นกัน เพราะบริษัทในตลาดหุ้นไทยล้วนมีความเสี่ยงที่อิงถึง Brent ใกล้เคียงกว่า WTI
แต่ถ้าคุณเป็นนักลงทุนในกองทุนน้ำมันต่างๆ ในประเทศ ซึ่งผมเข้าใจว่ากองทุนน้ำมันที่ธนาคารต่างๆนำมาเสนอเรานั้น ยังอิงกับราคา WTI เกือบทุกกองในประเทศอยู่ คุณก็ควรที่จะติดตามราคา WTI เพราะราคา Brent ที่กำลังขึ้นไม่ได้หมายความว่า WTI จะตามไปด้วยเท่าๆกัน ผลตอบแทนของคุณก็อาจไม่ได้เหมือนกับที่คุณคิด ทางที่ดีลองสอบถามทางกองทุนเพื่อให้ชัวร์จะดีที่สุดครับ
------------------
สรุป - รายละเอียดและองค์ประกอบส่วนต่างของราคา Brent และ WTI นั้นยังมีอีกเยอะ วันนี้ตั้งใจจะเขียนคร่าวๆ ก็ออกมายาวอีกแล้ว แต่ผมหวังว่าจะพอมีประโยชน์ให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ ว่าทำไม Brent ถึงเป็น Benchmark ของโลกแล้วตอนนี้
ยังไงหากใครมีคำถามเพิ่มเติมก็ลองคอมเม้นด้านล่างมาได้ครับ จะได้มาคุยกันในรายละเอียดครับ
คร่าวๆก่อนคือ
WTI เป็นสัญญาน้ำมันที่ส่งมอบที่อเมริกา ถ้าคุณเข้าไปซื้อขายสัญญา Future น้ำมันตัวนี้ แล้วถือสัญญาจนหมดอายุ แปลว่าคุณต้องเข้าไปรับหรือส่งน้ำมันที่เท็กซัสจริงๆ ทางตลาดตั้งกฏมาแบบนี้เพื่อที่จะให้ราคาซื่้อขายสะท้อนความต้องการของน้ำมันจริงๆ
Brent นั้นเป็นสัญญาน้ำมันที่ส่งมอบที่ยุโรป (North Sea) มีกลไกส่งมอบแบบเดียวกัน แต่อยู่กันคนละทวีป
------------------
WTI เป็นราคาพื้นฐาน (Benchmark) ของโลก จริงหรือ ?
ตอนที่ผมเริ่มเทรดน้ำมันครั้งแรกเมื่อ 12 ปีก่อน WTI เคยเป็น Benchmark ของโลกจริงๆ ครับ ผมแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อน้ำมันดิบ Brent ในข่าว หรือต้องติดตามราคามันเลย แต่ทุกวันนี้กลับตรงกันข้ามกัน WTI ไม่ได้เป็น Benchmark ของโลกอีกต่อไปแล้วครับ และผมก็แทบจะไม่ต้องติดตามราคาของมันเลย
อเมริกาเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากถึง 1/4 ของโลกมาตลอด แต่เคยผลิตได้เพียงน้อยนิดมาก ทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันเป็นปริมาณมหาศาลตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้จุดส่งมอบน้ำมันที่ เท็กซัส (Texas) จึงสามารถใช้เป็นราคาพื้นฐานของโลกได้อย่างดี ว่ามีความต้องการใช้น้ำมันของโลกมากน้อยแค่ไหน
แต่แล้วตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมาการผลิตเชลออยล์ (Shale Oil) นั้นก็เริ่มบูมขึ้นมา ลองไปอ่านรายละเอียดในโพสต์ก่อนได้ครับว่าทำไม (https://www.facebook.com/OilTradingkp/photos/p.276107512942599/276107512942599/?type=1&theater)
ทำให้สหรัฐนั้นไม่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบเยอะอย่างที่เคยเป็น และสุดท้ายจนสามารถผลิตน้ำมันเกรดนี้ ได้เกินความต้องการใช้ของโรงกลั่นในประเทศตัวเอง อีกทั้งท่อน้ำมันและต่างๆ ที่อเมริกาเคยสร้างมานั้นไม่ได้สร้างมาเพื่อรับการส่งออก ทำให้สต็อกน้ำมันดิบในประเทศที่เท็กซัสนั้นล้นเต็มเกินกว่าที่จะรับได้แล้ว ทำให้ราคาของที่ส่งมอบที่เท็กซัสนี้ราคาต้องลดลงอย่างกระจาย เพราะคนนอกประเทศก็เข้าไปรับซื้อไม่ได้ ของก็ล้น ราคา WTI จึงหลุดจากการเป็น Benchmark ของโลกมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว เพราะราคาสะท้อนถึงความต้องการใช้ที่จุดเท็กซัสเพียงอย่างเดียว ไม่เชื่อมต่อกับราคาโลก
ในทางกลับกัน ราคาน้ำมันดิบ Brent ได้ทะยานขึ้นเป็น Benchmark ใหม่ของตลาดโลกโดยทันที ถึงแม้การผลิตจะไม่สูง แต่ด้วยความที่สามารถส่งออกและนำเข้าได้ง่าย น้ำมันจะไหลมาทางเอเชียด้วยก็ได้ ทำให้ราคาเป็นที่ยอมรับกันว่าสะท้อนความต้องการของโลกจริงๆ และทำให้ทุกวันนี้ราคาน้ำมันดิบเกินกว่าครึงของโลกกำลังใช้ราคา ฺBrent เป็นราคาพื้นฐานในการส่งมอบจริงๆ
------------------
ทำไมพวกเราถึงชินกับการที่ราคา WTI อยู่ต่ำกว่า Brent ตลอดเวลา ? คุณภาพน้ำมันดิบที่ไหนดีกว่ากัน ?
วันนี้ที่ราคา WTI อยู่ต่ำกว่า Brent ตลอดเวลานั้น เป็นเพราะสต็อกที่ล้นในเท็กซัสเป็นหลัก มีของเยอะแต่ขายออกไปไม่ได้ราคาก็ต้องลดมาจนถึงจุดสมดุลเป็นธรรมดา ในจุดนึงเคยต่ำกว่าถึง 20 เหรียญต่อบาร์เรล แต่สองปีที่ผ่านมาส่วนต่างเริ่มลดลงเพราะอเมริกาเริ่มสร้างท่าและท่อส่งออกได้แล้ว ทำให้โรงกลั่นในทวีปอื่นเข้าไปรับซื้อน้ำมันออกมาได้ ความต้องการที่มากขึ้นก็ช่วงดึงให้ราคาไม่ต่ำลงไปมาก
ที่ราคาต่ำกว่านั้นไม่ใช่เรื่องของคุณภาพน้ำมันดิบ เพราะคุณภาพน้ำมันดิบแบบไหนนั้นจะแพงหรือถูกก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาครับ เพราะน้ำมันดิบแต่ละเกรดมีคุณสมบัติในการกลั่นออกมาเป็นสัดส่วนน้ำมันสำเร็จรูปที่ต่างกัน หากช่วงไหนราคาน้ำมันเบนซินเป็นที่ต้องการสูง ค่าการกลั่นสูงขึ้น น้ำมันดิบที่มีสัดส่วนกลั่นเป็นมันเบนซินนั้นก็จะมีค่ามากขึ้น
ในสมัยที่ WTI เคยเป็น Benchmark ของโลกนั้น ราคาจะอยู่สูงกว่า Brent เสมอ เพราะเป็นน้ำมันที่เบากว่าและสามารถผลิตออกมาเป็นน้ำมันเบนซินได้สูงกว่าซึ่งเป็นที่ต้องการในช่วงนั้นด้วยซ้ำ
------------------
แล้วเราควรติดตามน้ำมันดิบตัวไหนกันแน่ ??
ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการใช้เลยครับ อย่างที่เรียนถ้าคุณอยากติดตามว่าวันนี้ราคาน้ำมันในโลกจะแพงไหม ? ราคาน้ำมันในบ้านเราจะขึ้นลงอย่างไร ? การตามราคา Brent ก็จะเป็นการบอกราคาคร่าวๆได้ เพราะราคาน้ำมันในสิงค์โปร์ก็จะล้อกันตามไปกับ ฺBrent มากกว่าราคา WTI
ถ้าคุณเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย คุณถือหุ้นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันอย่าง PTTEP หรือสายการบินต่างในไทยที่ราคาน้ำมันเป็นต้นทุนหลักอยู่ ผมก็จะแนะนำให้คุณติดตามราคา Brent อีกเช่นกัน เพราะบริษัทในตลาดหุ้นไทยล้วนมีความเสี่ยงที่อิงถึง Brent ใกล้เคียงกว่า WTI
แต่ถ้าคุณเป็นนักลงทุนในกองทุนน้ำมันต่างๆ ในประเทศ ซึ่งผมเข้าใจว่ากองทุนน้ำมันที่ธนาคารต่างๆนำมาเสนอเรานั้น ยังอิงกับราคา WTI เกือบทุกกองในประเทศอยู่ คุณก็ควรที่จะติดตามราคา WTI เพราะราคา Brent ที่กำลังขึ้นไม่ได้หมายความว่า WTI จะตามไปด้วยเท่าๆกัน ผลตอบแทนของคุณก็อาจไม่ได้เหมือนกับที่คุณคิด ทางที่ดีลองสอบถามทางกองทุนเพื่อให้ชัวร์จะดีที่สุดครับ
------------------
สรุป - รายละเอียดและองค์ประกอบส่วนต่างของราคา Brent และ WTI นั้นยังมีอีกเยอะ วันนี้ตั้งใจจะเขียนคร่าวๆ ก็ออกมายาวอีกแล้ว แต่ผมหวังว่าจะพอมีประโยชน์ให้ทุกท่านได้ทราบนะครับ ว่าทำไม Brent ถึงเป็น Benchmark ของโลกแล้วตอนนี้
ยังไงหากใครมีคำถามเพิ่มเติมก็ลองคอมเม้นด้านล่างมาได้ครับ จะได้มาคุยกันในรายละเอียดครับ
Comments
Post a Comment