ชาวนาหานาฬิกา
#สาระเบาๆเสาร์อาทิตย์
ชาวนาคนหนึ่ง หลังจากไปทำความสะอาดคอกม้า ออกมาเสร็จก็พบว่านาฬิกาพกของตน ได้หล่นหายไปด้วยนาฬิกาพกเรือนนี้เป็นของขวัญที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้และมีความหมายต่อเขามาก เขารีบวิ่งไปที่คอกม้าและรื้อหาจนทั่วแทบพลิกแผ่นดิน แต่ก็หาไม่เจอ
เขาเดินออกมาจากคอกม้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว มองไปเห็นมีเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังเล่นกันอยู่แถวนั้น เขาจึงเรียกเด็ก ๆ มาแล้วบอกว่า
“เด็ก ๆ ถ้าใครหานาฬิกาพกของลุงเจอ ลุงจะให้เงินรางวัลกับคนนั้น"
เด็ก ๆ ทุกพากันวิ่งกรูเข้าไปในคอกม้า พยายามช่วยกันหา จนเวลาผ่านไปนานมาก จนเด็กๆต่างเดินกลับออกมาจากคอกม้าทีละคนด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง เพราะหานาฬิกาพกไม่เจอ จนทำให้ชาวนากำลังถอดใจและคิดว่าคงจะไม่มีวันหาเจอแล้ว
เด็กคนนั้นเข้าไปตั้งนานก็ยังไม่กลับออกมาซักที ชาวนาเริ่มสิ้นหวังและกำลังจะเดินกลับบ้านแล้ว ทันใดนั่นเอง เด็กคนนั้นก็เดินออกมาจากคอกม้าพร้อมกับนาฬิกาพกเรือนหนึ่ง ชาวนาจึงถามด้วยความแปลกใจว่า
“เจ้าหาเจอได้อย่างไร”
เด็กชายบอกว่า “พอเข้าไปข้างใน ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่นั่งเงียบ ๆอยู่ที่พื้น ไม่นานผมก็ได้ยินเสียง ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ของนาฬิกา และผมก็เดินตามเสียงไปจนหามันเจอครับ”
-------------------------
พออ่านนิทานเรื่องนี้แล้วจึงได้ข้อคิดว่า
ในขณะที่เรากลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตหรือหน้าที่การงาน บางครั้งการสงบจิตสงบใจ มาคิดตรึกตรองดูถึงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น มันก็อาจจะทำให้งานของเราออกมาดีขึ้นกว่าการรีบๆได้
ชาวนาคนหนึ่ง หลังจากไปทำความสะอาดคอกม้า ออกมาเสร็จก็พบว่านาฬิกาพกของตน ได้หล่นหายไปด้วยนาฬิกาพกเรือนนี้เป็นของขวัญที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้และมีความหมายต่อเขามาก เขารีบวิ่งไปที่คอกม้าและรื้อหาจนทั่วแทบพลิกแผ่นดิน แต่ก็หาไม่เจอ
เขาเดินออกมาจากคอกม้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว มองไปเห็นมีเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังเล่นกันอยู่แถวนั้น เขาจึงเรียกเด็ก ๆ มาแล้วบอกว่า
“เด็ก ๆ ถ้าใครหานาฬิกาพกของลุงเจอ ลุงจะให้เงินรางวัลกับคนนั้น"
เด็ก ๆ ทุกพากันวิ่งกรูเข้าไปในคอกม้า พยายามช่วยกันหา จนเวลาผ่านไปนานมาก จนเด็กๆต่างเดินกลับออกมาจากคอกม้าทีละคนด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง เพราะหานาฬิกาพกไม่เจอ จนทำให้ชาวนากำลังถอดใจและคิดว่าคงจะไม่มีวันหาเจอแล้ว
ทันใดนั้น ก็มีเด็กคนหนึ่งมาบอกกับเขาว่า
“คุณลุงครับ ผมจะขอลองเข้าไปหาดูอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ขอให้ผมเข้าไปคนเดียวเท่านั้นนะครับ” ชาวนามองหน้าเด็กชายอย่าง งงๆ คิดในใจว่า พวกเราทุกคนแทบจะพลิกคอกม้าหายังไม่เจอ…แล้วลำพังเด็กคนเดียว จะหาเจอได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ยอมให้เด็กเข้าไปหาต่อ
“คุณลุงครับ ผมจะขอลองเข้าไปหาดูอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ขอให้ผมเข้าไปคนเดียวเท่านั้นนะครับ” ชาวนามองหน้าเด็กชายอย่าง งงๆ คิดในใจว่า พวกเราทุกคนแทบจะพลิกคอกม้าหายังไม่เจอ…แล้วลำพังเด็กคนเดียว จะหาเจอได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ยอมให้เด็กเข้าไปหาต่อ
เด็กคนนั้นเข้าไปตั้งนานก็ยังไม่กลับออกมาซักที ชาวนาเริ่มสิ้นหวังและกำลังจะเดินกลับบ้านแล้ว ทันใดนั่นเอง เด็กคนนั้นก็เดินออกมาจากคอกม้าพร้อมกับนาฬิกาพกเรือนหนึ่ง ชาวนาจึงถามด้วยความแปลกใจว่า
“เจ้าหาเจอได้อย่างไร”
เด็กชายบอกว่า “พอเข้าไปข้างใน ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่นั่งเงียบ ๆอยู่ที่พื้น ไม่นานผมก็ได้ยินเสียง ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ของนาฬิกา และผมก็เดินตามเสียงไปจนหามันเจอครับ”
-------------------------
พออ่านนิทานเรื่องนี้แล้วจึงได้ข้อคิดว่า
ในขณะที่เรากลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตหรือหน้าที่การงาน บางครั้งการสงบจิตสงบใจ มาคิดตรึกตรองดูถึงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น มันก็อาจจะทำให้งานของเราออกมาดีขึ้นกว่าการรีบๆได้
และวิธีการแก้ปัญหาที่ทุกๆคนคิดเหมือนกัน อาจจะใช้ไม่ได้ในทุกสถานการณ์ แต่คนที่ฉลาดและมีความพยายาม จะไม่แค่ทำตามอย่างเดียว แต่จะคอยคิดหาวิธีใหม่ๆ มาแก้ปัญหาอยู่เสมอครับ
Comments
Post a Comment