ทำไม ? ประชาชนชาวสหรัฐกำลังจะตกเป็นผู้เสียหายใหญ่จากสงครามการค้าในครั้งนี้

Walmart ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในโลก ! กำลังออกมาช่วยย้ำเตือนทุกคนอีกครั้งว่า ว่าการขึ้นภาษีรอบล่าสุดของสหรัฐ ผู้เสียหายจะเป็นประชาชนรายย่อยแน่ๆ !

ถึงแม้ทางสหรัฐจะขึ้นภาษีจีนมาเป็นเวลากว่า 10 เดือนแล้ว แต่ในส่วนที่จีนต้องเสียภาษีให้สหรัฐสูงถึง 25% นั้น ยังเป็นในส่วนของสินค้าเทคโนโลยีสูง (High Tech Goods) มาตลอด และเสียเพียงแค่ 10% สำหรับสินค้าอื่นๆ (Consumer goods) เพราะฉะนั้น การขึ้นภาษีในส่วนของค้าอื่นๆจาก 10% เพิ่มขึ้นเป็น 25% ในอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น จะกระทบกับประชาชนเต็มๆ เพราะมูลค่าของภาษีที่เพิ่มขึ้นถึง 2 แสนล้านดอลลาร์นี้ ก็จะทำให้สินค้าในประเทศแพงขึ้นไปเท่านั้นด้วย !

จริงอยู่ว่าการขึ้นภาษีนั้น ผู้ที่เสียจะต้องเป็นประเทศจีน แต่ทางจีนก็มีสิทธิเลือกว่าหากส่งของชิ้นนี้ไปที่สหรัฐแล้ว จะต้องมาจ่ายภาษีเพิ่มอีก 25% คงไม่คุ้ม สู้ยอมส่งไปในประเทศอื่นดีกว่า ที่อาจต้องขายไปในราคาได้ถูกกว่า แต่รวมค่าขนส่งแล้วก็ยังคุ้มกว่าไปขายของได้ราคาดีให้สหรัฐ แต่ต้องไปเสียภาษีถึง 25% อยู่ดี 

และนั้นคือสิ่งที่ทรัมป์ต้องการจะบีบให้จีนต้องเผชิญครับ ต้องเจ็บตัวจากการขายของในราคาที่ถูกลงให้ประเทศอื่น หรือไม่งั้นก็ต้องยอมมาเสียภาษีให้กับสหรัฐแทน

แต่จริงๆแลัว จีนมีสินค้าหลายอย่างที่สหรัฐต้องการ โดยเฉพาะของใช้ต่างๆที่ made in china พวกของที่ขายในร้านค้าปลีก (consumer goods) อย่าง Big-C, โลตัสบ้านเรา ที่ประชาชนคนสหรัฐยังต้องการซื้อจากจีนอยู่ 

ถามว่าคราวนี้ถ้าเป็นฝั่งอเมริกาต้องเป็นคนซื้อจากจีนเองล่ะ จีนจะยอมขายในราคาเดิมหรอครับ ? ไม่มีทางหรอกครับ เพราะหากต้องเสียภาษีก็ไปขายให้ประเทศอื่นดีกว่า หากจะขายได้จีนจึงต้องขึ้นราคาของเหล่านี้เพิ่มอีก 25% เพื่อที่จะได้คุ้มค่าต่อการส่งมาให้สหรัฐเก็บภาษี แล้วยังขายได้ในราคาที่ดีกว่าไปขายให้ที่อื่นๆในโลก

คราวนี้ของต่างๆนี้ที่จีนขึ้นภาษีใครจะมาเป็นคนจ่ายเพิ่มล่ะครับ ? ก็คือประชาชนที่มีความต้องการซื้อนั้นเอง ก็ต้องแบบรับของที่แพงขึ้นไป ทาง Walmart เองก็ได้ออกมาเตือนแล้ววันนี้ว่าสินค้าจีนหลายๆอย่าง (เกือบทุกอย่างเลยมั้งครับ ใน Walmart 55) กำลังจะโดนขึ้นราคานะ !

เพราะฉะนั้นตราบใดที่อเมริกายังมีความต้องการนำเข้าสินค้าจากจีนเยอะอยู่ ผู้คนรายย่อยที่จำเป็นต้องซื้อของ ก็จะต้องมาเป็นผู้เสียหายจากสงครามครั้งนี้แทนครับ