โลกน้ำมันยุคใหม่ โอเปกและพันธมิตร คุมการผลิตน้ำมันของโลกถึง 40-50% แล้ว

เหตุผลหลักๆที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมาจากเมื่อปลายปีที่แล้วกว่า 40% แล้วในปีนี้ก็คือ การที่กลุ่มโอเปกและพันธมิตรตัดสินใจร่วมมือกันลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อไม่ให้มีอุปทานมากจนเกินไป

และหากเราลองมาดูในรายละเอียดการลดการผลิตของแต่ละประเทศที่ผ่านมา ก็จะทำให้เราเห็นได้ถึงสัญญาณที่น่ากลัวต่อผู้ใช้น้ำมันอย่างเราในระยะยาวด้วยว่า เรากำลังอาจเข้าสู่โลกน้ำมันยุคใหม่ ที่ราคาน้ำมันอาจจะไม่ได้ถูกไปอีกนาน แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีพลังงานทดแทนใหม่ๆ เข้ามาก็ตาม



การพบปะที่รื่นเริงของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร

ก่อนที่จะไปดูในรายละเอียดของการผลิต ช่วงวันเสาร์อาทิตย์นี้เป็นช่วงที่สำคัญของตลาดน้ำมันนะครับ เพราะกลุ่มโอเปกและพันธมิตรได้มีการนัดพบปะกัน และคงเป็นการประชุมที่ชื่นมื่น เพราะทั้งกลุ่มสามารถดันราคาน้ำมันขึ้นมาอีกครั้งในระดับที่กลุ่มต้องการได้สำเร็จ ทุกๆประเทศก็คงมีรายได้เพิ่มขึ้นตามแผนของประเทศ (ยกเว้นอิหร่านและเวเนซุเอลา)

แต่การพบปะในครั้งนี้จะไม่ได้เป็นการประชุมกันอย่างเป็นทางการเรื่องโควตาการผลิตในอนาคต ต้องไปรอประชุมกันเต็มรูปแบบ ในวันที่ 25-26 เดือนมิถุนายนนี้ครับ

สัญญาณที่น่ากลัวในตลาดน้ำมัน

ลองมาดูรายละเอียดในการลดการผลิตของแต่ละประเทศ ว่าแต่ละประเทศลดกำลังการผลิตไปเท่าไหร่กันแล้วบ้าง ลองดูตามกราฟฟิกในรูปเลยนะครับ % แต่ละ % ก็คือปริมาณการลดการผลิตของแต่ละประเทศสมาชิก หากใครลดได้เยอะก็จะเป็นสีฟ้าเข้ม ส่วนใครลดได้น้อยก็จะเป็นสีเทา

หากดูตามเฉดสีแล้วจะเห็นว่า ที่น่าสนใจเลยคือประเทศพันธมิตรนอกกลุ่มอย่าง คาซัคสถาน (Kazakhstan) , อาเซอร์ไบจาน (Azerbaijan) และ เม็กซิโก (Mexico) กลับเป็นประเทศที่ลดกำลังการผลิตได้เป็น % สูงสุด ! ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มแต่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเหล่านี้กลับลดกำลังการผลิตเกินกว่าโควตาที่โอเปคมาขอให้ลดไว้อีก !

นี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่น่ากลัวมากในตลาดน้ำมัน ว่าราคาน้ำมันอาจจะแพงได้ในระยะยาว เพราะความร่วมมือของพันธมิตรที่ทราบดีว่า หากพวกผู้ผลิตไม่จับมือกันเองอนาคตของราคาน้ำมันคงโดนกดดันจากเทคโนโลยีพลังงานทดแทน หรือ แบตเตอรี่ ใหม่ๆที่จะเข้ามาแทนที่แน่ๆ ครับ

เมื่อเข้าตาจน ผู้ผลิตเหล่านี้จึงต้องร่วมมือกัน เราคงต้องจับตามองการจับมือกันของพวกเค้าอย่างใกล้ชิด

พี่ใหญ่อย่างซาอุ นำทีมอย่างแข็งแกร่ง


หากมาดูตามปริมาณการลดนั้น (ลองดูภาพในคอมเม้นเพิ่มเติมนะครับ) พี่ใหญ่อย่างซาอุยังคงนำทีมอยู่เช่นเคย ลดไปได้ถึงเกือบ 300% ของแผนโควตาการลด และนับเป็นปริมาณถึง 0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ! คือลดไปพอๆกับการใช้น้ำมันประเทศเราเลย !

ถือเป็นการนำทีมที่แข็งแกร่งและโชว์ให้กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันต่างๆเห็นชัดเลยว่า ซาอุพร้อมเป็นผู้นำในการรักษาระดับราคาน้ำมันไว้ และพร้อมที่จะเจ็บตัวที่สุด ยอมเสียสละให้ทีมเพื่อการใหญ่ที่สำคัญกว่า

ทั้งนี้ถึงแม้ว่าสหรัฐและทรัมป์จะเข้ามากดดันให้ซาอุและโอเปกเร่งเข้ามาผลิตน้ำมันมากขึ้นเท่าไร่ ทางซาอุก็ยังคงไม่สนใจและเดินหน้าลดกำลังเรื่อยๆจนถึงเดือนล่าสุดนี้

รัสเซียทำให้กลุ่มผู้ผลิตยิ่งเป็นปึกแผ่นที่แข็งแกร่ง

ตัวเลขการผลิตของอีกประเทศที่น่าสนใจคือรัสเซีย ที่ล่าสุดลดลงมาต่ำกว่า 11.2 ล้านบาร์เรลต่อวันจนแตะระดับโควตาที่ให้สัญญากับโอเปกได้แล้ว ว่าจะลดลงมาให้ได้ภายใน 6 เดือน (ตัวเลขในกราฟฟิกยังดีเลย์อยู่ประมาณเดือนนึง)

ตอนแรกตลาดยังไม่แน่ใจว่ารัสเซียจะทำตามสัญญาจริงหรือ เพราะปริมาณที่ลดไปก็คือรายได้ที่หายไปของประเทศ แต่การที่รัสเซียผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐตอนนี้ ให้ความร่วมมืออย่างสูงกับโอเปก ก็เสมือนกับการผนึกกำลังที่สำคัญ ของกลุ่มผู้ผลิตให้เป็นปึกแผ่นมากขึ้น และคุมการผลิตของโลกรวมกันอยู่ที่ 45 ล้านบาร์เรลต่อวันแล้ว นับเป็นประมาณ 45% ของการผลิตโลก !

สรุป

ตัวเลขที่น่าสนใจที่สุดในบทความนี้คงจะเป็น การที่เราเคยชินกับการที่โอเปกคุมกำลังการผลิตน้ำมันประมาณ 30-40% มาตลอด แต่วันนี้หากนับรวมพันธมิตรของโอเปกด้วย พวกเค้าควบคุมถึง 40-50% ของปริมาณการผลิตโลก

และการที่ทุดคนหันหน้าเข้ามาร่วมมือกันอย่างเคร่งครัดก็เป็นสัญญาณให้เห็นว่า พวกเค้าจะไม่ยอมให้เทคโนโลยีพลังงานทดแทนใหม่ๆ เข้ามาทำให้ธุรกิจและรายได้หลักของประเทศเค้าลดลง

นี่อาจจะนับว่าเป็นยุคน้ำมันใหม่ที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อนครับ

-------------------------------------------------------------------

รูปเพิ่มเติม


ตารางการข้อมูลการผลิตของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร โดยตอนนี้รวมกันผลิตได้ 45 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่โลกมีปริมาณความต้องการใช้ประมาณ 99 ล้านบาร์เรลต่อวัน



การผลิตของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร โดยพื้นที่ที่เห็นคือปริมาณการผลิตของแต่ละประเทศ ประเทศที่มีสีน้ำเงินคิอลดการผลิตจนถึงสัญญาโควตาที่ให้กันไว้แล้ว


การลดการผลิตของแต่ละประเทศโอเปกและพันธมิตร โดยกรอบสี่เหลี่ยมขอบสีดำคือระดับสัญญาโควตาที่ให้กันไว้ ส่วนกรอบสีคือระดับการลดของแต่ละประเทศ

หากใครทำได้ถึงหรือเกินเป้า สีจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน


ที่มา: https://www.bloomberg.com/graphics/opec-production-targets/

Comments

Popular posts from this blog

"รูปปั้นโอกาส"

ราคาน้ำมันในไทยนั้นอ้างอิงมาจากสิงคโปร์ แต่ราคาที่สิงคโปร์นั้นเค้ากำหนดมาอย่างไร ?

IMO 2020 คืออะไร ? การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดน้ำมัน